วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เรื่องของเอกสาร




สวัสดีค่ะ ผู้อ่านทุกท่าน

วันนี้ดิฉันมาทักทาย และอยากจะสื่อสารท่านผู้อ่านที่ยังไม่เคยทักทายกัน แต่ก็ยังจะเข้ามา เป็นมิตรอยู่ห่างๆ มีประเด็นที่อยากเล่าให้ฟัง และ ทำความเข้าใจอยู่2 เรื่องนะคะ คือ มีน้องผู้หญิงที่เรียนจบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และแต่งงานกับหนุ่มน้อยชาวอเมริกัน ไปแล้ว และขณะนี้ เธอมีความประสงค์

ที่จะเรียนต่อ ในสายอาชีพพยาบาล ที่เปิดโอกาส ให้เธอ ใช้ผลการเรียนไปเที่ยบ ซึ่งในหลักสูตร ของ Kaplan ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ที่เป็น ผู้ที่ได้รับ เป็น rescidency โดยการแต่งงาน หรือมี Greencard ด้วยวิธีอื่นไแล้ว สามารถ Accredited เรียนต่อ พยาบาลได้โดยไม่ลำบากแต่อย่างใด เพียงแต่ให้เราหา Credential Acceped Agency ของสถาบันนั้นๆ ให้ติดต่อเข้าเรียน ถามไปเลยว่า มหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัยนี้ มี Agency กี่แห่ง จะติดต่อจากใคร ถามประชาสัมพันธ์ คนที่เราโทรไปนั่นแหละ การได้รับความสะดวกจะมากกว่าเดินเรื่องเอง นี่คือระบบอเมริกันที่ดิฉันพบมา

Why choose Kaplan University's School of Nursing?
Kaplan University's nursing courses are comprehensive and the instructors are practicing professionals who teach real-world knowledge. Best of all, with flexible online seminars, you can go to school anytime, anywhere at your convenience.

Our nationally accredited RN-to-BSN degree program gives you the specific knowledge and skills you need to advance your nursing career and increase your earning potential.

(ภาษาอังกฤษนี้เป็นตัวอย่าง ค่ะ ใครอยู่รัฐไหนๆในอเมริกา ก็สามารถเช็คดูว่า Kaplan ในรัฐที่ท่านอยู่ มีเปิดไหม ???มหาวิทยาลัย เดี๋ยวนี้ ส่วนใหญ่ใช้ระบบ Matrix ที่เรียกว่า วิทยาเขตนั่นแหละค่ะ เขาเปิดแบบนี้ไปทั่วโลก )

และสามรถเรียนจบภายในเวลา หนึ่งปี เท่านั้น

แต่ปัญหา กลับมาอยู่ ที่ว่า ทางโรงเรียน ต้องการผล Transcript ของปริญญาตรี ที่คุณๆมีอยู่แล้ว แต่ ทุกสถาบันจะต้องขอดูผลการเรียนเรียก Transcript , ของมัธยมศึกษาตอนปลาย และต้องแปลภาษาอังกฤษ ซึ่งคุณๆต้องหาพี่ๆน้องๆ ไปยืนคำร้อง ที่โรงเรียนเก่าที่เรียนจบมาไปเอาเอกสารที่โรงเรียน มา

หาที่แปลเอกสาร Transcript ให้เป็นภาษาอังกฤษ พร้อมกับประทับตรารับรองการแปลให้ ว่าแปลจากต้นฉบับภาษาไทยจากโรงเรียนจริง และผู้แปลเซ็นรับรองอีกที

ปัญหามันไม่ได้อยู่แค่นั้น มีความเข้าใจ ว่าเอกสาร จะต้องถูกรับรองจากสถานฑูตอีก คุณเลยต้องจ้าง คนแปลเอกสาร ที่โฆษณาว่า รับรองเอกสาร

โดยประทับตรารับรองจากสถานฑูต และคุณต้องจ้างค่าเดินเรื่อง อีกหน้าละ ไม่่ต่ำกว่า 1500-2000 บาท และจ่ายค่าแปลอีก500 บาท


เรามาดูตรงนี้กัน ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เข้าใจผิด มีฝรั่ง ที่อยู่ในเมืองไำทย ที่มาแต่งงาน หรือทำงานในเมืองไทย ที่เคยมาคุยกับดิฉัน ว่า Office แปลเอกสาร สามารถประทับตรารับรองได้ไหม และเซ็นชื่อกำกับ และต้องรับรองโดย สถานกงศุลด้วย เอกสารเป็นใบเสร็จค่าเช่าบ้าน ที่เขาใช้บริการ

อินเตอร์เนต ของ TRUE แต่ เอกสาร2 แผ่น เขียน ภาษาอังกฤษต่างกัน เลยใช้ยื่น กับธนาคารไม่ได้ และเขาเคยจ้างสำนักงานแปลเอกสาร ยื่นประทับตราของ กงศุล ถึงจะยื่นกับธาคารได้ และมีการเดินเรื่อง ให้ได้ตราประทับมาจริงๆ

ตรงนี้แหละค่ะ ดิฉันงุนงงสงสัย ว่าธรรมเนียมเช่นนี้ มาเกิดในเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไร มันน่าจะเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง หรือการทำนิติกรรมอื่นๆ เช่นการจดทะเบียน เราก็น่าะทำนิติกรรม ด้วยตนเอง เอกสารอาจจะจ้างแปล อย่างอื่นไม่น่าจำเป็นต้องเสีย เพียงแต่ ผู้ที่แลเอกสาร ได้รับการรับรอง มาแล้ว


อยากฟังจากเจ้าหน้าที่ของสถานฑูต หรือกงสุล ต่างๆในประเทศไทย อยู่เหมือนกันค่ะ ว่า พนักงานแปลเอกสาร จะตอบคำถามลูกค้า เกี่ยวกับเอกสาร ว่าอย่างไร ???


ใครมีประสบการณ์ลองเขียนมาคุยกันนะคะ

A. Jane



ไม่มีความคิดเห็น:

Oblivion Duo Guitar