วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การเปลี่ยนแผนการเรียนหลังจากจบปริญญาตรีฺ






ดิฉันได้ีคำถามจากบัณฑิตจากประเทศไทยที่พักร้อนจากประเทศไทย ไปกับโครงการ Work&Travelหรือ Au pair ระยะเวลาสั้นๆ ด้วยสาเหตุที่

หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ก็สมัครงานไปหลาืยแห่ง บางคนเป็นร้อยแห่ง พบว่า เมืองไทยยุควิกฤติเศรษฐกิจที่เรื้อรังกว่า14 ปี การเข้าทำงาน จะต้องมีเส้นสาย หรือมีเงิน อย่างช่วยไม่ได้ ตัวอย่างเช่น งานธนาคาร ที่สมัยก่อน ต้องเรียนสายตรงบัญชีการเงิน เศรษฐศาสตร์ ต้องได้เกรดเฉลี่ย ไม่ต่ากว่า 2.50 ต้องมี ผู้ปกครองที่มีอำนาจทางการเงินหาเงินฝากหรือหาลูกค้า ตัวเลขหลักล้าน++++เป็นสิบ เป็นร้อย ล้าน เพื่อรับเงินเดือนตามมาตรฐานประเทศไทย ( หลักพัน แต่รอโบนัสจากผลประกอบการ บริษัท..' )

คุณภาพรองลงไป การคัดสรรจะมาจาก การเรียน ระดับ เกียรตินิยม เก่งทุกอย่างคอมพิวเตอร์ยอด ภาษาเยี่ยม (ภาษาอังกฤษ ) หลายสถาบัน หลายบริษัท ใช้ ผล TOEFL 550 มานานแล้ว เช่นการบินไทย บริษัีทเงินทุนหลักทรัพย์ องค์กรมหาชน หลายๆแห่งที่จดทะเบียนหลักทรัพย์ เวลาเลือกคนทำงาน ผู้สมัครจะต้องกลายเป็น Superwoman, Superman ไปทันที เป็นรองจาก ระบบอุปถัมภ์ นามสกุลอะไร , ขับรถยี่ห้ออะไร

ทั้งที่การสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแต่ละคณะ ของมหาวิทยาลัย ที่ใช้ระบบปิด เช่นการเอ็นทรานซ์ ไม่ใช่ของง่ายๆและการเลือกคณะที่ปรารถนา

กลับได้เรียนคณะที่เลือก รองๆลงมา และจำใจเรียน เพราะคะแนนตัดลงมาเพียง1 หรือ2 คะแนน และ โชคดีที่ มีมหาวิทยาลัยเอกชน เปิดได้เกือบทุกคณะ และมหาวิทยาลัยไทยเปิดภาคพิเศษ สวนกับระยะวิกฤติเศรษฐกิจเพราะการศึกษาคือการลงทุน จะมีประเทศไหนบ้างที่ส่งเสริมการเรียนการศึกษา เท่ากับพ่อแม่ของคนไทย ที่ลงทุนทั้งการเรียนเลือกโรงเรียนดี ให้ลูกก่อน เรียนพิเศษกันทกวันจนค่ำมืด เสาร์อาทิตย์ เรียนรำไทย เรียนเปียโน เรียน แดนซ์ ลูกสาวบางบ้านต้องเรียนเทควันโด้ เหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ของครอบครัวไทย ที่พ่อแม่ช่วยกันเป็นเบื้องต้น

สุดท้ายแล้วก็มาถึงรายได้ เรียนจบปริญญาตรีมาแล้ว พบว่ารายได้ ถ้าพูดง่ายๆคือไม่คุ้มกับการแต่งตัวไปทำงาน และเดินทางไปทำงาน และ

ทุกอย่างก็ถูกบีบคั้นหายอดหาเป้าให้บริษัท ผู้ปกครองก็ยังถูกผลกระทบอยู่ดี เพราะต้องหาเงินฝากให้กับ ที่ทำงานของลูก มิฉะนั้นจะถูกบีบออก

โดยปริยาย ดิฉันมีเพื่อนเป็นนายกโรตารี หลายสมัย ที่ลูกชายเรียนจบบัญชีการเงินของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าไปทำงานในธนาคารสักพักหนึ่ง

ทั้งที่คุณพ่อก็วิ่งหาเงินฝากให้ลูกอยู่ ทุกวัน ทั้งที่เงินฝากก็หายากเหลือเกินยุคนี้คนมีเงินเก็บก็ต้องหาที่ออมดูที่ ดอกเบี้ยตัดกัน แค่ ห้าสิบสตางค์

หรือไปลงทุนในกลุ่มเสี่ยง High Risk High return ในตลาดหุ้น หรือ แอบซื้อทองไว้ ก็ใจหายกลัว โจร จ้องว่ารวย เงินทองไม่ใช่น้องไม่ใชี่พี่

กันมานานแล้วในเมืองไทย ส่งลูกชายไป Work & Travel ที่อเมริกา เพื่อะได้มองหาช่องทางอื่นๆ อย่างน้อย ก็ ได้พูดภาษาอังกฤษคล่องขึ้น

เพราะความรู้ก็มีอยู่แล้ว ต้องการทักษะ เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ผลปรากฎว่า การทำงาน ที่โรงแรม วันๆแค่ฝึกเก็บที่นอน ที่มีผ้า 5-7 ผืน ก็แทบ

จะไม่ได้คุยกับใครแล้ว และชีวิตคนที่่่ั่นั่นก็ต้องอดทนมาก ไม่ถึงปีก็กลับมาแล้ว มาเิปิดร้าน ขายไอศครีม หลังมหาวิทยาลัย สุขภาพจิตดีกว่า

และตอนนี้ มุ่งมั่นทำคะแนน ภาษาอังกฤษ IELTS ที่เชียงใหม่ ขอให้ได้ มากกว่า 6.5 จะได้หาทุนการศึกษาเรียนปริญญาโท พร้อมกับ หางานทำ

ไปด้วย เพราะรบกวนครอบครัวมา เกือบ 30 ปีแล้ว


คำถามที่ดิฉันพบ คือทำอะไรจึงจะมีเกียรติ และรายได้ดี ดิัฉัน ได้ทราบว่าคนงานไทย ที่ออกไปทำงานต่างประเทศแถวตะวันออกกลาง เมื่อ

20-30 ปีก่อน เป็นจำนวนไม่น้อย หมอ พยาบาลจากประเทศไทย ก็ไปทำงานกัน เพราะ การเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ก็ยังสามารถส่งเงินมาช่วย


คนทางบ้าน ก็มาก เอาพี่เอาน้องไปทำงานหาเงินก็มาก มองไปจนถึง ผู้หญิงไทย ที่เปลี่ยนอาชีพ จากผู้หญิงขายบริการ ไปทำอาชีพ ที่ดีขึ้น จนทำให้ บางท้องถิ่น ธนาคาร หลายแห่งต้อง ไปเปิดบริการ ห่างกันไม่ถึงกิโลเมตร ยาวเหยีดไปตามท้องถนน และไม่ไกลจากนั้น ก็มีบ้านสวยงาม

ไม่ต่างจาก แลนด์ & เฮาส์ ที่คนผ่านต้องเหลียวหลัง


แล้วคนที่มีการศึกษาเล่า ทำอะไรอยู่ ไม่ใช่แต่การหาเงิน เรามองกัน ว่าประสบการณ์ และได้ท่องเที่ยว ใช้ความรู้ความสามารถ มันคุ้มที่จะเดินทาง


ปัจจัยหลายอย่างที่จะเกิดได้ ไม่ใช่ เกิดมาจน ถึงได้ อยากได้แต่เงิน อาจจะเป็นโชค (ไม่ว่าร้ายหรือดี) หรือโอกาส งานอดิเรก ของดิฉันกับ

โรตารี ตะวันออก ของเชียงใหม่ พบว่ามีแพทย์ไทย ในอเมริกาจำนวนไม่น้อย ที่กลับมาทำประโยชน์ ให้กับประเทศไทย เช่นโครงการผ่าตัดดวงตา

ให้กับคนชราและคนยากจน ของคณะแพทย์จากอเมริกา และแน่นอนเป็นแพทย์ไทย พยาบาลไทยบินมาืทำงานกันเงียบๆนับ10 ปีแล้ว ที่จังหวัดชายแดนเช่นน่าน และทางอีสาน โครงการน้ำดื่มสะอาด ใน้กับ โรงเรียน ที่ทำต่อเนื่อง และโครงการจักรยานบริจาก ให้นักเรียน ในท้องถิ่นไกลๆ

หรือทุนแลกเปลี่ยนนักศึกษาไทย ไปเรียนต่อหรือ ฝึกประสบการณ์ ไม่ใช่แค่ของ โรตารีอย่างเดียว ยังมีอะไรที่น่าสนใจ อีกมากมาย ที่เราก็สามารถ

ช่วยเหลือตนเอง เพื่อมา ช่วยประเทศได้เช่นกัน แม้ว่า ทั่วโลก จะยากจนกันทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือยุโรป ที่แลกเปลี่ยนมาทำงานในเอเชียเป็นจำนวนมาก รวมทั้งประเทศไทย เพราะมองว่า มีเงิืนน้อย ก็จริงแต่ค่าครองชีพ ไม่สูง มีรอยยิ้ม มีน้ำใจ และไม่เห็นแก่ตัว ...น่าจะมีความสุขแล้ว

ค่ะคำถามที่ยังไม่ได้พูดถึง วิชาชีพที่เรียนมา หาเงินยาก คนเรียนการเงินการธนาคาร ไปอเมริกา ต้องไป หัดปูที่นอนในโรงแรม และค่าจ้าง ก็น่าจะดีกว่า มีเงินเก็บบ้างกว่าประเทศไทย ที่เงินเดือน ต้องเป็นเพียงค่าแต่งตัว กับค่าน้ำมันรถ ชาตินี้คงไม่มีโอกาสแต่งงานหรือมีลูก มีคงยากลำบากทีเดียวจะมีโอกาสเรียนพิเศษ หรือเรียน ดนตรีเสริมเหมือนพ่อแม่ทำกับเราไหม??

มาตรงคำถามกันดีกว่า เป็นผู้หญิง เรียนจบวิศวะจากประเทศไทย ตอนนี้ ทำงานในฟาร์มรับเงินเป็้น
รายชั่วโมง หรืองานเสริฟในร้านอาหารที่ได้เงินน้อยกว่า ประเทศออสเตรเลีย แบกเป้เดินทาง ลงเรียน ไว้ในโรงเรียนสอนภาษา ไปเรื่อยๆ รายได้ ก็ OK . ชักอยากเรียน วิชาชีพพยาบาล เพราะคงดีกว่าววิศวะโยธา ที่อุตส่า์ห์สอบเข้าได้ แก่ตัวมาก็คงไม่ต้องร่อนเร่หางาน และถือว่าเป็นงาน ที่ใช้ความรู้และรายได้ดี


ตรงนี้ล่ะค่ะ คุณสามารถ พัฒนาภาษาอังกฤษ ให้เป็น Academic English ที่เรียก TOEFL หรือ IELTS ที่มหาวิทยาลัย ที่คุณอยากเรียน

ไม่ว่าใน Australia, New Zealand, หรืออังกฤษ ที่คุณเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ่ในมหาวิทยาัลัย หรือโรงเรียนภาษา ที่ลงเรียนไว้

ต้องมีเป็าหมายทำวิชา ภาษาอังกฤษ จริงๆ ดิฉันมีความเชื่อว่าวิฺศวกรสาวอย่างคุณต้องทำได้ เมื่อผ่านเกณฑ์ หรือใกล้เคียง แต่ต้องพยายามต่อ

ให้หา Credential Agency ที่มีอยู่ ติดต่อให้ อย่างของ Kaplan นักศึกษาต่างชาติจะต้องติดต่อผ่านบริษัทที่น่าเชื่อถือเหล่านี้ติดต่อให้ ซึ่งยัง

เป็นวิธีการที่ตรงข้ามกับวิถีไทยอย่างมากเพราะมักจะกลัวบริษัทตัวแทนนายหน้า ที่จะส่งเรื่อง ให้มหาวิทยาลัย ขอเรียนภาษา หรือหาทุนให้ เรียน

ต่อ ซึ่งตรงนี้ เราต้องเตรียมผลการเรียน Transcript ของมหาวิทยาลัย Transcript ของชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และเงินค่าทำงาน ของ

Credential Agency ที่ระบุไว้ เป็้นค่าตัวเเทนนายหน้า หาที่เรียน และทุนการศึกษาให้ แต่ผลสัมฤทธ์ทางภาษาอังกฤษ แน่นอนเราต้องทำเอง

ทำไมตัวแทน นายหน้าถึงมาเก็บเงินจากเรา เป็นค่าทำงาน ให้ ทำไมไม่ได้เงินจากสถาบัน เป็นค่า Commission แล้วมิใช่หรือ คำตอบคือไม่แน่

เสมอไป มหาวิทยาีลัย ในต่างประเทศ ทั้งของรัฐและเอกชน เมื่อสอบเข้าได้แล้ว จะมีทุน SUPPORT เราทันที เพียงแต่ เราต้องผ่านเกณฑ์ให้ได้

เพราะนักศึกษาต่างชาติจะต้องมีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน ในประเทศไทย ก็จะมีหน่วยงาน แนะแนว หาทุน ติดต่อที่เรียนให้ เช่นกัน และต้องจ่ายค่าสมัคร และค่าดำเนินการ หาที่เรียนและหาทุน ซึ่งคุ้มค่า กว่าการจ่ายโดยทุนของ ครอบครัว แน่นอน

แต่การเปลี่ยนสายการเรียน เช่นวิศวกรจะมาเรียนพยาบาล จะมีโอกาสเทียบหน่วยกิตการเรียน และเวลาเรียนต่อคือเพียง1 ปี และจะต้องเข้าเรียน

และปฏิบัติจริง ในมหาวิทยาลัย และสถาบันนั้นๆ

Kaplan continuing education จะ Accepted Credential Agency ที่ระบุไว้เท่านั้น


หวังว่าบทความนี้จะชัดเจนและมีประโยชน์กับทุกคน ในการเลือกเรียน เช่นเดียวกัีบแพทย์ในประเทศไทยเริ่มเรียนวิชากฎหมายกัน

และพยายามกันต่อไปดิฉันดีใจที่ทุกท่านมาใช้งาน ค้นหาข้อมูลในบล็อก แนะนำไปเป็นประโยชน์ แต่ที่ต้องการมากคือข้อมูลและเอกสาร Update หรือตำรา และประสบการณ์ เล่าสู่กันฟัง และช่วยเหลือกันด้วยใจจริง


เขียน แบ่งประสบการณ์มาบ้างนะคะ

ยินดีรับฟังและช่วยเหลือเสมอค่ะ




A.Jane

svantee @rocketmail.com

053216222

Oblivion Duo Guitar