อะเมซซิ่ง แอร์การบินไทย ว่าที่นักเพาะกายหญิงทีมชาติ
ใน สายตาของคนทั่วไปมักจะมองอาชีพแอร์โฮสเตสว่า เป็นอะไรที่สวยหรู ได้เปิดหูเปิดตาเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศโดยไม่เสียสตางค์ แถมยังรายได้ดีกว่าอาชีพอื่นมาก เผลอๆถ้าวาสนาดีอาจเจอผู้โดยสารรวยๆ มีโอกาสเป็นเมียเศรษฐี พลิกชีวิตจากนางฟ้าจำแลงกลายเป็นนางฟ้าตัวจริงภายในชั่วข้ามคืน
เฮ่อ ๆๆ!! ได้ยินเสียงถอนหายใจของบรรดาแอร์โฮสเตสมาแต่ไกลเชียวค่ะ ทุกอย่างที่ว่าเป็นแค่ภาพลวงตาทั้งนั้น คนเป็นแอร์ไม่ได้เลิศหรูอย่างที่คิดเสมอไป แถมบางคนยังออกแนวสวยล่ำด้วยซ้ำ เป็นเรื่องจริงที่ ได้รับการยืนยันจากปากแอร์การบินไทย กอล์ฟ-ขนิษฐา มะคงสุข วัย 37 ปี เธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินแห่งชาติมานานกว่า 15 ปี และเพิ่งสร้างความอะเมซซิ่งให้วงการแอร์ไลน์ เมื่อไปคว้าแชมป์นักเพาะกายหญิงรุ่นบอดี้ฟิตเนสของเมืองไทย
จากนางฟ้าการบินไทย มาเป็นนักเพาะกายได้อย่างไรคะ
เริ่ม จากไปเรียนศิลปะป้องกันตัวค่ะ เพราะเคยเจอประสบการณ์บนเครื่อง โดนผู้โดยสารลวนลามแล้วเราทำอะไรไม่ได้ จากนั้นมีปัญหาเรื่องท้องย้วยย่นหลังคลอดลูกชายคนแรก (น้องนาวี อายุ 4 ขวบ 5 เดือน) ทำให้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายและอดอาหารเอง น้ำหนักลดก็จริง แต่ช่วงนั้นเป็นลมบ่อย สามี (คมสัน มะคงสุข) ซึ่งเป็นสจ๊วตการบินไทย เห็นว่าไม่เข้าท่าแล้ว เลยแนะนำให้ไปเจอเทรนเนอร์ของเขาคือ คุณโชคอนันต์ สิงหจินดาวงศ์ เพื่อจะได้ออกกำลังกายอย่างถูกวิธี เขาดูแลจัดโปรแกรมกระชับรูปร่างหลังคลอดให้ หลังเล่นได้ 3 เดือนรู้สึกว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงชัด หน้าท้องเริ่มเห็นแนวโครงสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้มีกำลังใจ อยากเล่นต่อ พอรู้สึกแข็งแรงขึ้นในระดับหนึ่งก็กลับไปเอ็นจอยอีตติ้งเหมือนเดิม ชุดไทยที่ใส่เลยกลายเป็นน้องแหนม ต้องกลับไปเข้าโปรแกรมไดเอ็ตจริงจัง ไม่แตะคาร์โบไฮเดรตและพวกของทอดๆมันๆประมาณ 3 เดือน น้ำหนักลดลงเรื่อยๆจนเห็นความชัดเจนของกล้ามเนื้อ "คุณโชคอนันต์" ชักชวนว่า สนใจลงแข่งขันกีฬาเพาะกายชิงแชมป์ประเทศไทยไหม มีเวลาเตรียมตัวหนึ่งเดือน ตอนนั้นเมืองไทยมีนักกีฬาผู้หญิงอยู่น้อย พอปรึกษาสามีแล้วเขาสนับสนุน ก็เริ่มเวย์โปรตีน ใช้วิทยาศาสตร์ด้านการกีฬามาช่วย ประกอบกับได้เห็นรูป "คุณรุ้งตะวัน จินดาซิงห์" นักกีฬาเพาะกายทีมชาติไทย รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เท่มาก เป็นโรลโมเดลของเรา
ต้องบินตลอดและเลี้ยงลูกด้วย แล้วจะมีเวลาฟิตซ้อมหรือคะ
ก็ มีเวลาฝึกซ้อมเฉพาะวันหยุดที่อยู่กรุงเทพฯ จะเข้าฟิตเนสเฉลี่ยอาทิตย์ละ 3 วัน ถือเป็นการวัดใจตัวเองว่าจะทำได้ไหม เพราะเรามีข้อจำกัดเยอะ ต้องเดินทางด้วย ต้องใช้ความอดทนและความพยายามมากกว่านักกีฬาทั่วไป ด้วยภารกิจที่ต้องดูแลลูก ต้องทำงานตามต่างประเทศ วันพักก็น้อย โอกาสจะได้คุมอาหารก็ยากกว่า
ตอนนั้นคาดหวังไหมคะว่าลงแข่งครั้งแรกจะได้แชมป์เลย
(ส่าย หน้า) รู้แต่ว่าออกกำลังกายมาต่อเนื่อง 2 ปีกว่าแล้ว และมีกล้ามเนื้อสวยระดับหนึ่ง ขนาดอาจไม่ใหญ่โต แต่เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน ขึ้นเวทีแล้วคงไม่น่าเกลียด แต่ที่ได้เป็นแชมป์ประเทศไทย ได้รางวัลชนะเลิศ รุ่นบอดี้ฟิตเนสหญิงปี 2551 ทั้งๆที่ลงแข่งครั้งแรก คงเพราะเรามีกล้ามเนื้อท้องที่โดดเด่นกว่านักกีฬาทั่วไป
รู้สึกยังไงบ้างที่น้องใหม่อย่างเราถูกวางตัวให้เป็นว่าที่นักเพาะกายทีมชาติ
ตรง นี้ยังไม่เป็นทางการนะคะ แต่ท่านนายกสมาคมเพาะกายค่อนข้างให้ความเอ็นดู อย่างแมตช์ที่สองช่วงเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ท่านก็เป็นคนชักชวนให้ลงแข่งขันต่อในรายการที่ใหญ่ขึ้น เพราะเห็นแววว่าเป็นนักกีฬาหน้าใหม่ที่มีกล้ามเนื้อสวยงาม ท่านบอกว่าอยากให้ "กอล์ฟ" ลงแข่งรุ่นบอดี้ฟิตเนสเป็นหลัก แต่เพิ่มรุ่นใหญ่ บอดี้บลิวดิ้งด้วย เพื่อหาประสบการณ์ในการแข่งขัน ก็ต้องฝึกซ้อมหนักกว่าเดิมในแง่ของการโพสซิ่ง ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 5 ท่า และฟรีโพสซิ่งประกอบเพลงอีกหนึ่งเพลง ก็ไปเรียนเต้น ทำให้มีทักษะด้านมูฟเมนต์ มากขึ้น เวทีนี้ได้รางวัลชนะเลิศประเภทบอดี้ฟิตเนส
ล่าสุดเพิ่งลงแข่งในแมตช์ที่สาม ชิงแชมป์ประเทศ
ไทย ปี 2552 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันเพาะกายชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มิสเตอร์ไทยแลนด์ครั้งที่ 29 ไปแข่ง ที่เชียงราย แมตช์นี้เราลงแข่งสองประเภทคือ รุ่นบอดี้ฟิตเนส กับรุ่นบอดี้บลิวดิ้ง ดีใจมากที่ได้มี โอกาสลงแข่งขันกับไอดอล คือคุณรุ้งตะวัน ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์ระดับเอเชียในรุ่นบอดี้ ฟิตเนส ผลการแข่งขัน "กอล์ฟ" ได้รางวัลที่สอง ในรุ่นบอดี้ฟิตเนส และรางวัลที่สามในรุ่นใหญ่บอดี้บลิวดิ้ง
เป็นนักเพาะกายขัดแย้งกับภาพลักษณ์แอร์การบินไทยไหมคะ
(ยิ้ม กว้าง) หลายๆท่านตกใจที่เห็นรูปเราแข่งเพาะกาย ไม่คิดว่าเป็นแอร์แล้วจะมาเล่นกีฬาเพาะกาย โดยบุคลิกก็ค่อนข้างแตกต่าง แต่สำหรับตัวเองไม่คิดว่าเรื่องอายุหรือหน้าที่การงานจะเป็นอุปสรรค ที่จริงแล้วกีฬาเพาะกายทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วยซ้ำ เป็นการซัพพอร์ตการทำงานของแอร์ให้มีประสิทธิภาพขึ้น เพราะอาชีพนี้มีปัจจัยเสี่ยงเยอะ ที่ทำให้เสียสุขภาพ
ต้องขออนุญาตการบินไทยหรือเปล่า
ครั้ง แรกที่เข้าแข่งขันไม่ได้ขออนุญาตค่ะ แต่ก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าจะผิดกฎบริษัทหรือเปล่า แต่เห็นว่าเป็นกีฬาอย่างหนึ่ง แล้วก็ลาพักร้อนไปแข่ง ถึงบริษัทรู้เข้าก็ไม่น่าจะว่าอะไร เพราะเป็นการชิงถ้วยพระราชทาน น่าจะสร้างความภูมิใจด้วยซ้ำเพราะเราก็มีข้อจำกัดเยอะ
มีคนทักไหมคะว่าเล่นเพาะกายแล้วสวยขึ้น
ก็ คงมีส่วนค่ะ (หัวเราะ) ออกกำลังกายแล้วทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข เมื่อเรามีความสุขหน้าตาก็สดใส และสามารถแบ่งปันความสุขให้คนอื่น
ถามจริงๆนะคะ ตั้งแต่เป็นแอร์การบินไทย มีประสบการณ์เสี่ยงตายไหม
ได้ เรื่องตั้งแต่ไฟลท์แรกเลยคะ และขอให้เป็นไฟลท์เดียว!! ตอนนั้นขึ้นสังเกตการณ์บินไปสิงคโปร์ ช่วงเครื่องใกล้จะลง เกิดสภาพอากาศแปรปรวนตกหลุมอากาศ จังหวะเดียวกับที่ลูกเรือกำลังทานอาหารอยู่ ถาดอาหารที่อยู่ในครัวลอยกระเด้ง แล้วพี่แอร์ที่อยู่ในครัวลอยกระเด้งไปติด
กับ คาน กระแทกกับคาน ตกลงมาอย่างแรง!! "กอล์ฟ" อยู่ในห้องน้ำก็เกาะแน่นเลย ใจเสียไม่รู้เครื่องจะตกหรือเปล่า คิดไปใหญ่ว่าเครื่องจะตกแล้ว ฉันจะรอดไหมนี่ ฉันยังไม่ได้ทำงานเลย!! พอออกมาข้างนอกเห็นครัวระเนระนาดเละตุ้มเป๊ะ พวกพี่ซีเนียร์ต้องเดินไปปลอบผู้โดยสารว่าโอเค ไม่มีอะไรแล้วนะ เจอดีตั้งแต่ไฟลท์แรก
แล้วประสบการณ์สนุกๆเกี่ยวกับผู้โดยสารล่ะคะ
เรื่อง ที่เจอบ่อยที่สุดคือวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของผู้โดยสาร แอร์ทุกคนต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างดี เช่น แขกอินเดีย ปากีสถาน บางทีเราถามเขาว่าจะรับน้ำชา กาแฟไหม เขาก็ส่ายศีรษะ เรานึกว่าไม่เอา เลยเดินผ่าน แต่จริงๆคืออากัปกิริยาของเขา นั่นคือเขาจะรับนะคะ เสร็จแล้วเขาก็กวักมือเรียกใหญ่ เหมือนกับว่าทำไมถึงบริการไม่ดี ไม่รินกาแฟหรือน้ำชาให้เขาล่ะ บางครั้งการรับรู้ของเราไม่ถูกต้อง ก็ต้องรีบขอโทษผู้โดยสาร
หรืออย่างพวกเกาหลี ผู้โดยสารชอบทักทายแรงๆคือ เขาอาจจะแข็งแรง เพราะได้พลังโสม บางทีขอน้ำแก้วหนึ่ง ตบบ่าซะแรง ตกใจมาก เป็นคุณป้านี่ล่ะแต่แรงเยอะ ส่วนผู้โดยสารญี่ปุ่นสุภาพมาก ด้วยวัฒนธรรมของเขาจะโค้งแล้วโค้งอีก ขอบคุณกันอยู่นาน แต่มีอยู่ครั้งจำได้แม่นเลย เป็นผู้โดยสารจีน เดินเข้ามาในครัวทำหน้าพะอืดพะอม เราก็เดาแล้วล่ะว่าน่าจะอยากอาเจียน เลยรีบหาถุงอาเจียนให้ แต่ยังเดินไปหยิบไม่ทัน คุณป้าก็อาเจียนพรวดลงมาใส่ผ้าถุงเราแล้ว คืองานแอร์ต้องมีทั้งส่วนที่สนุกสนานเฮฮา แต่บางช็อตก็มีต้องเช็ดทำความสะอาดด้วยนะคะ
สมัยที่ยังไม่ล่ำบึ้ก เคยถูกผู้โดยสารลวนลามไหมคะ
อัน นี้เจอกับตัวค่ะ ประมาณ 6 ปีที่แล้ว เป็นไฟลท์ชั้นอีโคโนมี "กอล์ฟ" ทำไฟลท์จากแฟรงก์เฟิร์ตเข้ากรุงเทพฯ หลังจากที่บินมา 6-7 ชั่วโมง ผู้โดยสารชาวเยอรมันคนหนึ่งมีอาการเมาแล้ว คาดว่าดื่มมาจากข้างล่างด้วย ทางหัวหน้าเที่ยวบินจึงสั่งให้หยุดบริการแอลกอฮอล์ เราก็ทำตามนโยบายหัวหน้า พอไปบอก ผู้โดยสารไม่ยอมค่ะ โวยวายจะชกกับหัวหน้าเที่ยวบิน สักพักก็เดินเมามาที่ในครัว เรากำลังพักทานข้าวกับพี่สจ๊วต เขาโถมเข้ามาจะจูบเรา ตกใจมาก!! ได้กลิ่นเหล้าหึ่งเลย เราก็ผลักออกไป ตะโกนพี่ช่วยด้วย พี่สจ๊วตก็แมนมาก ตะโกนเลย เฮ้ยมีอะไร!! กอล์ฟถอยไปๆ!! เขาก็ช่วยกันเราออกมา ครั้งนั้น ทำให้รู้สึกว่าถูกลวนลาม ใกล้มาก จับบ่าเราแล้ว!! ทางหัวหน้าเที่ยวบินไม่ยอมบอกว่าถึงกรุงเทพฯแล้วต้องแจ้งความ พอเครื่องแลนดิ้ง เจ้าหน้าที่ก็มาเชิญตัวลงไป พี่สจ๊วตกับเพอร์เซอร์ไปเป็นพยานให้ที่สถานีตำรวจ ตรงนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้รู้สึกว่าเราต้องไปเรียนศิลปะป้องกันตัว เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรฉุกเฉินขึ้นมาเราควรจะป้องกันตัวเองได้
แอบเม้าท์หน่อยนะคะ ผู้โดยสารชาติไหนเป็นจอมป่วนทำให้หมดความอดทน?!
งานบริการ ต้องอาศัยความอดทนและใจรักค่ะ แต่บางครั้งก็ไม่ไหว!! ในหลายๆไฟลท์โดยเฉพาะไฟลท์มิดเดิลอีสต์ ผู้โดยสารมักมีดีมานด์สูงด้วยความที่บางทีเราบินไปแถบนี้ต้องบินทั้งคืน อาจจะด้วยสภาวะร่างกายด้วยที่ต้องอดนอน ผสมกับความล้า และยังต้องตื่นตัวเรื่องเซฟตี้ บางทีเราก็พยายามทำให้ผู้โดยสารพอใจ แต่อาจจะไม่ทันใจเลยโดนโวยบ้าง คิดดูสิคะว่า เดินไปทางไหนเหมือนไฟดิสโก้ มองไปสีแดงหมด เรียกใช้บริการทั้งคืน!! พอเจอเยอะๆ ขีดความอดทนใกล้หมดเหมือนกัน เริ่มชักสีหน้าบ้าง แต่ดีอย่างหนึ่ง ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของเขา บริการเขาเต็มที่ จะไม่มีรีพอร์ตกลับมา จบแล้วจบเลย ตรงข้ามกับผู้โดยสารยุโรป ที่บางทีเห็นเงียบๆไม่ค่อยรีเควสอะไรเยอะ แต่กลับมาเขียนรีพอร์ตคอมเมนต์เยอะแยะไปหมด
จนถึงวินาทีนี้ ภูมิใจกับอะไรมากกว่าระหว่างการได้เป็นแอร์ กับแชมป์เพาะกาย
ก็ ภูมิใจทั้งสองอย่างเลยค่ะ ดีใจที่ได้ทำงานในสายการบินไทย ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ และเป็นอาชีพที่ฝันตั้งแต่เด็ก ส่วนในแง่ของการเป็นนักกีฬา แข่งขันแล้วได้รางวัลก็เป็นความภูมิใจส่วนตัว ผลการแข่งขันจะเป็นยังไงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด แต่อย่างน้อยเราได้วัดใจตัวเองว่าเราทำสำเร็จตามเป้าไหม หลายคนถามว่าที่ไปแข่งมิสเตอร์ไทยแลนด์ชิงแชมป์ประเทศไทย ได้เงินรางวัลเท่าไหร่ เราก็ยกมือเลขห้า เขาถามห้าหมื่นเหรอ เราบอกไม่ใช่ ห้าพัน!! เขาถามว่าแล้วคุ้มเหรอ ต้องหยุดบินต้องอะไร เราบอกว่า ถ้าตีค่าเป็นตัวเงินไม่คุ้มหรอก แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่านั้นเป็นคุณค่าทางจิตใจ การที่คุณทำอะไรสักอย่างแล้วประสบความสำเร็จ คือรางวัลสูงสุด เป็นรางวัลชีวิต ที่เงินทองก็ซื้อหาไม่ได้ ถึงคุณจะมีเงินก็ซื้อถ้วยรางวัลไม่ได้!! ถ้าเป็นไปได้ก็อยากมีโอกาสรับใช้ประเทศชาติ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย
เป็นแอร์การบินไทย ไม่ใช่แค่สวยเก๋อย่างเดียว แต่ต้องอดทน และซุปเปอร์อึดด้วย...จริงไหมคะ?!
ทีมข่าวหน้าสตรี
ไทยรัฐออนไลน์
- โดย ทีมข่าวไลฟ์สไตล์
- 24 พฤษภาคม 2552, 05:00 น.