ทูตฝรั่งหัวใจไทย ท่านทูต-มาดามอลิสัน
เอก อัครราชทูตอังกฤษ ประจำเทศไทย มร.ควินตัน เควลย์ สร้างความประทับใจให้คนไทยอย่างมาก เพราะสามารถพูด และเขียนภาษาไทยได้อย่างดี วันนี้จะมาเปิดทำเนียบทูตกัน ...
ผมยินดี อย่างยิ่งที่ได้กลับมาประเทศไทยในฐานะเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย นี่นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ผมมาทำงานในประเทศไทย ครั้งก่อนคือเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผมดีใจที่ได้เห็นประเทศไทยพัฒนาไปมากในหลายๆด้านในช่วงระยะเวลานี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ ความงดงามของประเทศไทยและความมีเสน่ห์และน่ารักของคนไทย"
****************ท่านทูต-มาดามอลิสัน
ร่าง ภาษาไทยจากใจของ "มร.ควินตัน เควลย์" เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ที่หลงเสน่ห์ประเทศไทยจนสามารถทั้งพูด เขียน และอ่านภาษาไทยได้เป็นอย่างดี ได้ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาหลังจากได้รับตำแหน่ง ในเว็บไซต์ของสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย
เส้น ทางทางการทูตของ "ท่านทูตเควลย์" เริ่มตั้งแต่ปี 2520 รับตำแหน่งที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ กรมแอฟริกากลางและใต้ เป็นเวลา 3 ปี ก่อนจะโยกมาเป็นเลขานุการโทฝ่ายการเมืองที่กรุงเทพฯในปี 2523 จนถึงปี 2526 จากนั้นก็ไปประจำที่กรมอเมริกาใต้และเลขานุการเอกฝ่ายการเมืองกรุงปารีส ท่านทูตเควลย์ได้กลับมาทำงานในแถบเอเชียอีกครั้งในปี 2539 ในตำแหน่งเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศอินโดนีเซีย และล่าสุดเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยเมื่อเดือน สิงหาคม ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน
ภาพของ "ท่านทูตเควลย์" ที่พูดภาษาไทยชัดแจ๋ว สร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็นจนอดอมยิ้มไม่ได้ เป็นเสน่ห์ที่ทำให้อยากรู้จัก "ท่านทูตฝรั่งหัวใจไทย" คนนี้ และเป็นโอกาสดีที่ "ท่านทูตเควลย์" ได้เปิดทำเนียบหลังจากที่ได้ปรับปรุงครั้งใหญ่ พร้อมเปิดใจพูดคุยกับ "หน้าสตรีไทยรัฐ" ด้วยภาษาไทยที่คล่องปร๋อ
ท่านทูตเรียนภาษาไทยที่ไหนคะ
"ใน ปี 2533 ผมได้เรียนภาษาไทยเป็นเวลา 1 ปี เพราะผมอยากพูดภาษาไทยมาก แล้วผมไม่เคยลืมภาษาไทยเลย แม้ตอนไปรับตำแหน่งในประเทศอื่น ผมก็จะพยายามฝึกพูด อ่าน และเขียนภาษาไทยอยู่ตลอดเวลา ช่วงก่อนที่จะมารับตำแหน่งในเมืองไทย ผมก็ได้ไปฟื้นภาษาไทยที่ SOAS (School of Oriental and African Studies) มหาวิทยาลัยลอนดอน ที่ประเทศอังกฤษ แล้วก็มาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีก 3 เดือนก่อนเข้ารับตำแหน่ง"
ความ คล่องในภาษาไทยของท่านทูตเควลย์ ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ไทยประจำสถานทูตอังกฤษฯ เพราะท่านจะพูดภาษาไทยกับเจ้าหน้าที่ไทยทุกคนทุกครั้ง รวมทั้งจะเขียนร่างต่างๆเป็นภาษาไทย โดยเฉพาะสุนทรพจน์ต่างๆที่จะนำไปกล่าวในงาน ซึ่งท่านทูตจะกล่าวทั้งภาษาไทยและอังกฤษ คำกล่าวภาษาไทยนั้น ท่านทูตจะเป็นผู้ร่างด้วยตัวเอง หากไม่มีเวลาจึงจะพูดให้เลขานุการเป็นคนพิมพ์ให้ แต่จะไม่นิยมเขียนร่างเป็นภาษาอังกฤษ เพราะแปลแล้วไม่ได้ความหมายที่ลึกซึ้งอย่างที่ใจอยากจะกล่าว
อ่านหนังสือหรือดูทีวีไทยด้วยไหมคะ
"ผม ชอบอ่านไทยรัฐครับ จะอ่านข่าวหน้าแรกแล้วก็ดูรูป ฉบับอื่นก็อ่านแนวเศรษฐกิจ ส่วนทีวีผมดูข่าวเช้าของช่อง 9 แล้วก็ดูช่องอื่นๆด้วยส่วนละครไทยไม่ค่อยมีเวลาดูครับ"
นอกจากภาษาไทยที่ชื่นชอบแล้ว มีอะไรที่ท่านชอบเกี่ยวกับเมืองไทยอีกคะ
"ผม ชอบรับประทานอาหารไทย รสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน ได้ แต่ขอไม่ เผ็ดอย่างเดียว เคยลองรับประทานอาหารหลายภาค ทั้งเหนือก็ชอบ อีสานก็ชอบ ไปจังหวัดอุดรธานี ได้ลองกินส้มตำปลาร้าด้วยเช่นกัน ส่วนจานโปรดผมจะชอบพวกซุบ ซึ่งต้องเป็นซุบของไทยไม่ใช่ซุปฝรั่ง เป็นพวกแกงจืดอย่างแกงจืดแตงกวายัดไส้, แกงจืดเห็ดหอมหมูสับ, หมี่กรอบราดหน้าหมู, ปลาราดซอสมะขาม และที่ชอบสุดคือไข่ลูกเขยครับ"
มาดามอลิสันชอบรับประทานอาหารไทยด้วยไหมคะ
"ชอบ เหมือนกัน รับประทานได้หมด เพราะเคยอยู่เมืองไทยด้วยกันตั้งแต่ผมมาเป็นเลขานุการโทฝ่ายการเมืองที่ เมืองไทยเมื่อ 29 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอเป็นเลขานุการเอกอัครราชทูต เธอก็พูดภาษาไทยได้ด้วยเช่นกัน"
กลับมาเมืองไทยครั้งนี้ ท่านทูตอยากทำอะไรบ้างคะ
"ผม ตั้งใจจะเที่ยวให้ทั่วประเทศไทยในช่วงที่ผมอยู่ในวาระ 4 ปีนี้ครับ กลับมาครั้งนี้ผมรู้สึกแปลกใจที่คนไทยให้ความสนใจดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของ อังกฤษมาก ผมเองก็เป็นแฟนฟุตบอลด้วย"
ทีมโปรดเป็นทีมอะไรคะ
"ทีม เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน ครับ ทีมนี้มีไบรอัน ร็อบสัน เคยเป็นอดีตผู้เล่นและยังเคยเป็นโค้ชให้กับทีม ซึ่งกำลังจะมาเป็นโค้ชให้กับทีมฟุตบอลไทยด้วย"
กีฬาประเภทอื่นละคะ
"ผม ชอบออกกำลังกายในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ผมมักจะวิ่งรอบๆ สถานทูตในตอนเช้า ซึ่งรวมระยะทางแล้วประมาณ 12 กิโลเมตร ที่นี่อากาศดี เพราะเป็นพื้นที่สีเขียวใจกลางกรุงเทพฯ"
พื้นที่ของสถานทูตมีขนาดเท่าไหร่คะ
"ตอน นี้เหลือประมาณ 16 ไร่ เราขายไปแล้ว 1 ส่วน 3 ประมาณ 8 ไร่ บริเวณถนนใหญ่ของถนนเพลินจิตให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลจิราธิวัฒ น์ แต่ทางสถานทูตยังคงสภาพและรักษาอาคารที่อยู่อาศัยในส่วนที่เป็นประวัติ ศาสตร์, สำนักงานสถานทูต, อนุสรณ์สถานสงครามโลก, พระบรมรูปที่โอ่อ่าของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย, สภาพแวดล้อมที่เป็นทะเลสาบและสวนสาธารณะไว้คงเดิม ในส่วนที่เราขายนี้ เพื่อนำไปเป็นกองทุนในการพัฒนาและรักษาสถานทูต ในส่วนต้นไม้ของที่ดินที่ขาย เราก็ได้บริจาคให้กรุงเทพมหานครและโรงเรียนนานาชาติอังกฤษ"
ในส่วนของทำเนียบทูตนี้ มีอายุเท่าไหร่แล้วคะ
"ทำเนียบ ทูตหรือที่เรียกว่าส่วนเรสซิเดนซ์ สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1926 หรือ 83 ปีแล้วครับ ก่อนหน้านี้สถานทูตอังกฤษตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันเป็นสำนักงานไปรษณีย์กลาง ซึ่งพอหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 รู้สึกบริเวณนั้นไม่เหมาะสมเป็นที่ตั้งของสถานทูตอีกต่อไป เราเลยมาซื้อที่จากนายเลิศเมื่อปี 1922 มาตั้งที่ใหม่ ตอนนั้นเป็นเขตชานเมืองกรุงเทพฯ มีเสียงบ่นกันมากว่าสถานทูตอังกฤษย้ายไปอยู่ห่างไกลเมืองมาก"
ทราบว่าตอนนี้ได้มีการปรับปรุงทำเนียบทูตอยู่
"ครับ เราได้ปรับปรุงห้องการ์เด้นรูมใหม่ โดยออกแบบให้เป็นแบบสีเขียวเหมือนอยู่กลางสวน เป็นห้องสำหรับพบปะพูดคุยรับแขกที่ไม่เป็นทางการมากนัก แล้วยังเป็นห้องรับประทานอาหารได้ด้วย ห้องนี้ได้ ม.ล.ภูมิใจ ชุมพล มาช่วยออกแบบให้ ช่วยทำให้ฟรี เพราะเราไม่มีเงินมาก เงินที่เอามาทำก็มาจากการจัดงานเลี้ยงหรือปาร์ตี้ที่ทางสถานทูตเป็นเจ้าภาพ จำหน่ายบัตรราคาถูก เพราะมีบริษัทอังกฤษที่อยู่ในประเทศไทยให้การสนับสนุน พอมีกำไรนิดหน่อยก็นำเงินมาปรับปรุงสถานทูตนี้ ห้องนี้จะเน้นต้นไม้สีเขียวและมีภาพนก มีกระจกทำให้ห้องสว่างมากขึ้น จากเดิมเป็นห้องค่อนข้างมืด เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในห้องการเด้น ผมจะเน้นให้เอาแต่ของไทย เราได้ไปเลือกเฟอร์นิเจอร์กันที่ร้านแถวสุขุมวิท พอจัดออกมาถูกใจผมมากครับ"
ในบ้านนี้ ท่านทูตชอบห้องไหน ส่วนไหนที่สุดคะ
"จะ มี 2 ห้องที่ผมชอบเป็นพิเศษ ห้องแรกเป็น "ห้องกรีนรูม" (green room) เป็นห้องที่อบอุ่น มีของตกแต่งที่สวยงามและร่วมสมัยผสมผสานกับศิลปะความเป็นตะวันออกไว้ได้ อย่างงดงาม ซึ่งของตกแต่งเหล่านี้นำมาจากประเทศอินโดนีเซียที่ผมเคยไปประจำการ นอกจากนี้ ยังมีของจากพม่าและของไทย ที่สำคัญ ภาพในห้องยังมีภาพสถาปัตยกรรมเก่าๆของอังกฤษที่หาดูได้ยากในสมัยนี้อีกด้วย ผมชอบห้องนี้ เลยมักจะใช้เวลาว่างเล่นหมากรุกยักษ์ที่มีอยู่ในห้องเป็นการพักผ่อนอยู่ บ่อยๆ ซึ่งหมากรุกชุดนี้เป็นชุดที่ใหญ่ที่ผมได้รับมรดกจากคุณพ่อเมื่อหลายปีที่ แล้ว ห้องนี้ยังเป็นห้องที่ผมมาอ่านหนังสือในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์อีกด้วย ส่วนอีกห้องเป็น "ห้องการ์เด้นรูม" ที่ตกแต่งใหม่ ตัวห้องจะเน้นโทนสีขาวแบบยาวเรียว ทำให้ห้องดูสบายตา สามารถมองเห็นต้นไม้ที่เขียวชอุ่มจากภายนอกได้ และมีแสงสว่างจากภายนอกเข้ามาในห้อง ซึ่งแตกต่างจากห้องอื่นๆ"
ช่วงเวลา 2 ปีที่ท่านทูตดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตในประเทศ ไทย ท่านรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
"ผม ภูมิใจมากที่ได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้งหลังจากที่ได้เคยมาอยู่ประเทศไทยใน ฐานะนักการทูตผู้น้อยเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว การกลับมาครั้งนี้ ผมว่าเหมือนถูกหวยรางวัลใหญ่ และผมก็ดีใจมากที่คนไทยให้ การต้อนรับอย่างอบอุ่นครับ"
ท่านทูตฝรั่งหัวใจไทยกล่าวปิดท้ายได้อย่างกินใจ สมกับเป็นนักการทูต!
ไทยรัฐออนไลน์
- โดย ทีมข่าวสตรี
- 27 กันยายน 2552, 05:45 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น