ให้เกิดความชัดเจน ใน โลกของการเรียน การศึกษา เตรียมตัวเพื่อสอบชิงทุนการศึกษา โลกของการทำงาน ของทุกสาขาวิชาชีพในประเทศไทย และต่างประเทศ เพื่อความสุขของโลกใบนี้....
รายการบล็อกของฉัน
วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551
IELTS กับสมาธิและปํญญา
ดิฉันคงยังไม่ได้ตอบคำถามผู้ที่อยากลงเรียน ielts เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ว่ามีอะไรจะแนะนำไหม เพราะดูเหมือนจะมี ความครียดมากเหลือเกินเมื่อรู้ว่าแบบทดสอบผลสัมฤทธ์ทางภาษา อังกฤษที่เรียกกันว่า ielts ถูกนำมาเป็นตัวเลือกของทั้งนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ทำงานแล้ว ในสายอาชีพต่างๆตั้งแต่คนล้างจานในร้านอาหาร พนักงานเสริฟ
อาหารที่เป็นคนต่างชาติไปทำงาน ตลอดจนนักศึกษาต่างชาติหรือแพทย์ พยาบาลที่ไปทำงานต่างชาติทั่วโลกโดยการใช้ การผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ที่วิธีการ ฟัง อ่าน เขียน และพูด ที่มองดูน่าจะเป็นเรื่องที่ ไม่น่าจะยาก นัก กลับกลายเป็นการเพิ่มภาระที่แสนจะหนักให้กับผู้ที่ต้องการจะเข้าสอบ ทุกวันนี้ดิฉันยังทำหน้าที่สอนielts และทำหน้าที่ให้คำปรึกษาต่อไปและดูการพัฒนาของข้อสอบที่ต้องวิ่งตามอย่างไม่หยุดยั้ง พบว่า การฟังและการอ่านของผู้ที่มาเรียนยิ่งอายุน้ิอย คือระดับก่อนเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี หรือระดับปริญญาตรีในประเทศไทยและมีผลการเรียนทุกวิชาอยู่นระดับB++สามารถปรับตัวในส่วน การอ่าน( reading ) และการฟัง(listening) เป็นที่น่าพอใจ แต่ต้องอาศัยการมีพื้นฐานวิชาการสาขาต่างๆตลอดจนมีความสนใจฟัง อ่านข่าว ดูหนังฟังเพลงภาษาอังกฤษ เป็นพื้นอยู่แล้ว จะสามารถปรับตัวกับสำเนียงการพูดของชาติต่างๆที่พูดภาษาอังกฤษ และสามารถตอบคำถามโดยการเลือกแบบ Multiple Choice หรือ หาคำเติมลงในช่องว่างที่ได้ยินมา ที่กำหนดไว้ว่าห้ามเิติมเกิน3 คำ เด็กรุ่นใหม่ที่ใช้คอมพิวเตอร์ได้ดีก็จะมีความไวในการตอบ และการถูกฝึกมา การคาดเดาหรือการตอบที่ไม่แน่ใจจะมีน้อย นอกจากจะเผลอทำแบบทดสอบไม่ทัน ซึ่งพบมากกับผู้ใหญ่ ที่มีงานและมีเรื่องให้คาดคิดมากมาย และความคล่องตัวในการใช้เทคโนโลยีต่างๆเช่นคอมพิวเตอร์กลับกลายเป็นbiasเล็กๆกับความสามารถที่ทำได้โดยไม่ยากเย็นนัก บางคนตอบว่าไม่ชอบ และถ้าเป็นผู้หญิงจะตอบว่าไม่กล้า ทำให้ดิฉัน รู้สึกว่ามนุษย์ไม่ควรที่จะละการพัฒนาที่เป็นวิธีการที่ง่ายและเป็นระบบ และอีกไม่นาน ielts ก็จะพัฒนาเป็น การสอบด้วย ระบบ ใช้ิคอมพิวเตอร์และ อินเตอร์เนตแล้ว เช่นกัน ตำราที่ใช้เป็น selfstudy จะต้องเป็นแบบที่ใช้ง่าย เป็นบทเรียนที่มีการฝึกหัดอ่านและฟังอย่างครอบคลุม และผู้เรียนจะต้องมีเวลาทำแบบทดสอบมีเทคนิคในการฟังให้ทันอ่านให้ทันเลือกตอบให้ทัน ด้วยความมั่นใจจากทักษะที่ฝึกมา และการเขียนของ Academic writingทั้ง Task1เละ Task2 ก็เป็นการเขียนที่ต้องมาจากการรู้จริงในการใช้ภาษาอังกฤษที่เราต้องตระหนักและรับทราบว่าขณะนี้ แบบประเมินความสามารถของภาษาอังกฤษที่เรียกilets นักศึกษาและบัณฑิต และผู้ที่ทำงานแล้วส่วนหนึ่ง ที่ยังอยู่ในการแข่งขันกับตัวเองต้องทำงานหนักกันตลอดเวลาขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจากจีน อินเดีย เวียดนาม ลาวพม่าหรือเกาหลี และญี่ปุ่น ตลอดจนนักศึกษาจากรัสเซีย อเมริกาใต้หรือยุโรปที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรกเราจะพบว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่เตรียมตัวทำงานหนักเพื่อเป็นสะพานข้ามไปสู่ดวงดาว ที่มีโอกาสเรื่องทุนการศึกษา โอกาสทำงาน ในต่างประเทศโดยมีใบอนุญาตและมีรายได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ สร้างคุณค่าให้กับชีวิต ในช่วงจังหวะที่พร้อม เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารและเป็นที่รวมของสหวิทยาการและเราต้องมีความรับผิดชอบในงานในอนาคต เช่นการทำรายงาน การทดลอง งานวิจัย การฝึกการฟัง การอ่าน การเขียน และพูดจะทำได้ดีกับการใช้แบบเรียน แบบทดสอบที่สามารถดึงศักยภาพของเราออกมา ที่ต้องอาศัยเวลาและผู้มีประสบการณ์ และตำราดีๆคอยชี้นำแนวทางและคอยกระตุ้น ให้กำลังใจ และเวลาจะเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าเราทำได้ ด้วยสมาธิ และปัญญา ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
A. Jane
olacm@yahoo.com
086-4313850
วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แล้ววันนี้ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 27 และน่าจะเป็นคนใหม่ที่ดู ‘หล่อ’ ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสายตาแม่ยกหลายๆ คน
คน ไทยส่วนใหญ่รู้จัก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนักการเมืองหน้าตาดี รู้ว่าเขาเป็นนักเรียนนอกจากอังกฤษ รู้ว่าเขายังค่อนข้างหนุ่มแน่นเมื่อเทียบกับตำแหน่งของเขาในตอนนี้ หรือบางคนก็เชื่อว่าเขาเป็น ‘เด็กนายหัวชวน’ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่หลายคนยังไม่รู้ (แต่หลายคนก็รู้) จะว่าไปเขาเป็นนักการเมืองที่มีหนังสือเล่าเรื่องราวของเขาออกมาไม่น้อย น่าจะเรียกได้ว่าเรารู้จักโลกส่วนตัวของเขามากกว่าที่เคยได้รู้จากนักการ เมืองคนอื่นๆ ‘ปริทรรศน์’ รวบรวมเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ ให้คนไทยได้รู้จักนายกฯ หน้าตาดีคนนี้ ส่วนเรื่องการบริหารประเทศจะ ‘หล่อ’ เหมือนหน้าตาหรือไม่ โปรดติดตามด้วยใจระทึก 1.Birthday นายกฯ คนใหม่ของเรา เกิดวันที่ 3 สิงหาคม 2507 เมืองนิวคาสเซิ่ล ประเทศอังกฤษ 2.Rock Never Die เห็นนายกฯ ท่าทางสุภาพๆ เนี้ยบๆ แบบนี้ แต่เขาชอบฟังเพลง Rock เป็นชีวิตจิตใจ เขาชอบจังหวะและความหนักแน่นของเนื้อเพลง วงดนตรีที่ชอบคือ R.E.M. และถือว่าเป็นสาวกเพลงร็อคฉบับแฟนพันธุ์แท้ ทุกครั้งที่มีการแสดงคอนเสิร์ตร็อคในประเทศไทย หนุ่มมาร์คจะต้องหาโอกาสไปโยกทุกครั้ง เล่ากันว่าเวลาหนุ่มมาร์คนั่งอยู่ในรถ มักจะหยิบวอล์คแมนขึ้นมาฟังเพลงร็อคพร้อมกับโยกตัวเองไปตามบทเพลงแทบทุก ครั้ง (ถ้าเพลงไทย เขาชอบเพลงเพื่อชีวิต) 3.ใจข้ามีแต่สาริกาดง กีฬาสุดโปรดของนายกฯ ร้อนๆ คนนี้ คือฟุตบอล อาจถึงขั้นฟุตบอลลิซึ่ม และอย่างที่เราๆ รู้ สาริกาดง-นิวคาสเซิ่ล คือทีมที่นั่งอยู่ในหัวใจหนุ่มมาร์ค (ไม่แน่ หนุ่มมาร์คอาจทำให้บอลไทยไปบอลโลกก็ได้ใครจะรู้) 4.ไทย ถึงแม้หนุ่มมาร์คจะเกิดและไปร่ำเรียนที่เมืองนอกเป็นเวลาหลายสิบปี แต่เขาไม่นิยมการพูดไทยคำอังกฤษคำ เรียกได้ว่าเขาเป็นคนที่มีความอนุรักษนิยมในภาษาไทยมากคนหนึ่ง แม้แต่กระทั่งตัวเลขเขายังเขียนเป็นตัวเลขไทยทุกครั้ง 5.นายไข่เจียว อาหารจานโปรดของนายกฯ มาร์ค...ไม่ใช่หูฉลาม แต่เป็นข้าวไข่เจียว 6.แตงโม อาหารที่ไม่ชอบทานคือ 'แตงโม' ไม่รู้ว่าแพ้ทางของภรรยาที่ชื่อ 'แตงโม' หรือเปล่า 7.ต้องโค้กสิ เครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้คือ โค้ก นายกฯ มาร์คดื่มทุกเย็น 8.Family Man ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ชื่อว่าเป็นคนที่เกรงใจภรรยาแบบสุดๆ (ใครจะตีความเป็นอย่างอื่นก็สุดแท้แต่) ที่สำคัญรักครอบครัวมาก ทุกเช้าเขาจะต้องนั่งรถไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนเป็นประจำทุกวัน ยกเว้นวันที่มีประชุมตอนเช้าเท่านั้นที่เขาจะไม่ได้ไปส่งเอง 9.นายกฯ หนุ่ม มีคนเข้าใจว่า โอบามาร์คเป็นนายกฯ ที่หนุ่มที่สุดที่ประเทศไทยเคยมี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ นายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดคือ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ ในปี 2488 ด้วยอายุเพียง 40 ปี อีกคนหนึ่งคือจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกฯ ในปี 2481 ตอนอายุ 41 ปี แต่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ ในปี 2551 ตอนอายุ 44 ปี 10.ตัวเล็ก-ปมด้อยที่ทำให้เขาพ้นอันตราย ครั้งหนึ่ง สมัยที่เขาศึกษาระดับชั้นมัธยมที่อีตัน ด้วยเครื่องแบบของโรงเรียนที่เหมือนชุดมายากล และทางโรงเรียนจะกำชับกำชาว่าถ้าจะข้ามไปฝั่งวินเซอร์ ห้ามใส่ชุดมายากล แต่วันนั้นด้วยความเฮี้ยวตามประสาเด็กหนุ่ม เขาข้ามกำแพงไปแถวนั้น ซึ่งคนแถวนั้นเขาไม่ชอบคนเอเชีย ด้วยความซวยปรากฏว่าหนุ่มมาร์คไปเจอพวกเหยียดผิวเข้า แต่ด้วยความที่เป็นคนตัวเล็กจึงช่วยให้เขาสามารถวิ่งหนีได้รวดเร็ว ก่อนที่จะถูกทำร้าย 11.โรคประจำตัว หนุ่มมาร์คมีโรคเก๊าต์เป็นโรคประจำตัว 12.เด็กเรียน นายกฯ อภิสิทธิ์จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแบรนด์ดังอย่างออกฟอร์ด และเป็นคนไทยคนที่ 3 ที่ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 จากที่นี่ จบปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ก็ที่ออกฟอร์ด นอกจากนี้ เขายังมีใบปริญญาตรีและได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขานิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง 13.ทหารอภิสิทธิ์ หลังจากจบปริญญาตรีจากออกฟอร์ด หนุ่มมาร์คก็ไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เขาชะโงก จังหวัดนครนายก อยู่เกือบ 2 ปี จนได้รับพระราชทานยศเป็น ร้อยตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 14.ญาติ งามพรรณ เวชชาชีวะ นักเขียนรางวัลซีไรต์ ปี 2549 จากเรื่อง ‘ความสุขของกะทิ’ คือพี่สาวของนายกฯ มาร์ค สุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร คือลูกพี่ลูกน้องของนายกฯ มาร์ค สุรนันท์เป็นลูกของ นิสสัย เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ พ่อของนายกฯ มาร์ค 15.บรรพบุรุษ ต้นตระกูลของนายกฯ มาร์คเป็นชาวจีนที่เดินทางจากจีนโพ้นทะเลมาขึ้นฝั่งที่จันทบุรี 16.เวชชาชีวะ นามสกุล ‘เวชชาชีวะ’ เป็นนามสกุลพระราชทานสมัย รัชกาลที่ 6 ลำดับที่ 4,881 จากนามสกุลพระราชทานทั้งหมด 6,423 นามสกุล เหตุที่มีคำว่า ‘เวช’ ก็เพราะมีต้นตระกูลเป็นหมอนั่นเอง 17.ผู้ชายอารมณ์ดี ภายนอกหลายคนอาจมองหนุ่มมาร์คว่าเป็นคนเคร่งขรึม จริงจังกับชีวิต แต่อีกมุมหนึ่งของหนุ่มคนนี้ เขาเป็นคนอารมณ์ดีคนหนึ่ง ชนิดที่ว่าเวลาถูกสัมภาษณ์ เขาจะตอบไป หัวเราะไปเกือบทุกคำถาม มีคนเคยสัมภาษณ์หนุ่มมาร์คว่า อาจารย์เป็นคนชอบอ่านหนังสือ แล้วมีปัญหาเรื่องสายตาหรือไม่ เขาตอบกลับมาทันทีว่าสายตาผมไม่สั้น และก็ไม่ยาวด้วย หรือเมื่อถูกถามว่า ‘แล้วคิดว่าเรื่องอะไรที่คุณคิดว่ามีพรสวรรค์’ เขาตอบว่า ‘เรื่องอะไรบ้างเหรอ...เอาเป็นว่าเรื่องศิลปะนี่ไม่มีเลยแล้วกัน’ ...ว่าแล้วก็หัวเราะ คนถามซักไซ้ต่อว่า ‘อ่อนวาดเขียน?’ เขาตอบว่า ‘พูดว่าอ่อนนี่ยังให้เครดิตมากไป ผมวาดอะไรในโลกนี้ไม่ได้เลยสักอย่าง’ ...หัวเราะอีกตามเคย 18.ยุง สัตว์ที่ไม่ชอบคือ ยุง เพราะถูกกัดนิดเดียวก็จะบวมเป็นอาทิตย์ 19.รับโทรศัพท์ เล่ากันว่าหนุ่มมาร์คเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงเพียงไม่กี่คนที่ รับโทรศัพท์ด้วยตนเองโดยไม่ต้องผ่านเลขาฯ ส่วนตัว (แต่หลังจากนี้...ไม่แน่) 20.พอเพียง หนุ่มมาร์คได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงคนหนึ่ง นาฬิกาข้อมือเรือนหนึ่ง เขาจะใส่นานกว่า 10 ปี เรียกว่าจนกว่าจะพังกันไปข้าง 21.Game เกมที่ชอบเล่น-โซโดคุ (Sodoku) 22.จุดเริ่มต้นทางการเมือง หนุ่มมาร์คลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งแรกในนามพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2535 ในเขต 6 กรุงเทพมหานคร ตอนนั้นเขาอายุแค่ 27 ปี และก็ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ครั้งแรก กลายเป็น ส.ส. ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น และยังเป็น ส.ส. กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์เพียงคนเดียวท่ามกลางกระแส ‘จำลองฟีเวอร์’ ในตอนนั้น 23.เพศที่สาม หนุ่มมาร์คเคยให้สัมภาษณ์ที่หนึ่งและตอบคำถามที่ว่า ถ้ามีคนเพศที่สามมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เขาจะรับไหม เขาตอบทันทีทันใดว่า ‘รับ เราคงไม่ปฏิเสธใครด้วยเหตุผลนี้หรอก’ 24.เพลงหากิน เวลาหนุ่มมาร์คถูกเชิญให้ขึ้นร้องเพลงบนเวที เพลงของพงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ และพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ จะเป็นเพลงที่เขาใช้หากินเป็นประจำ 25.กิจวัตรยามเช้า สิ่งแรกที่หนุ่มมาร์คทำตอนตื่นขึ้นมาในยามเช้าคือการชงกาแฟ เปล่า, เขาเป็นคนไม่ทานกาแฟ แต่เขาชงให้ภรรยา... (ภายหลังจากเข้าร่วมพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา นางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในช่วงสั้นๆ ว่า "รู้สึกดีใจกับนายอภิสิทธิ์ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และรู้สึกภูมิใจ แต่ก็รู้สึกหนักใจแทนเพราะทราบว่าปัญหาประเทศชาติกำลังลำบากอยู่ ซึ่งแม้จะมีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง ก็ขอให้นายกรัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่" ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้คำปรึกษาอะไรกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ภริยานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "ปกติก็พูดคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว หากมีอะไรจะคุยก็คุยกันได้เหมือนเดิม แต่คงต้องให้กำลังใจเพิ่มขึ้น" ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ามีเคล็ดลับอะไรในการดูแลนายกรัฐมนตรีคนนี้ นางพิมพ์เพ็ญกล่าวว่า "คงไม่มีเคล็ดลับอะไร นอกจากคอยให้กำลังใจ ส่วนตัวเองก็ยังคงทำงานเหมือนเดิม สอนหนังสือที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามปกติ" พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยานายกฯ หมาดๆ เปิดใจต่อสื่อมวลชน) ***นางพิมพ์เพ็ญ รู้จักกับนายอภิสิทธิ์ สมัยเป็นเพื่อนนักเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งคู่สมรสกันเมื่อปี พ.ศ. 2531 มีบุตร 2 คน คือ ปราง เวชชาชีวะ (บุตรสาว) กับ ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ (บุตรชาย) 26.ของสะสม ซีดีเพลง 27.แหวนหมั้นของยายเนียม ในการแถลงหลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 หนุ่มมาร์คก็เริ่มหาเสียงจากคนอีสานทันทีด้วยเรื่องราวของ ‘แหวนหมั้นของยายเนียม’ เป็นแหวนที่ ยายเนียม พันธุ์มณี วัย 84 ปีเคยให้กับหนุ่มมาร์คไว้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2550 ขณะที่ไปช่วยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดอุบลราชธานี เขต 1 ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยระหว่างที่นั่งทานข้าวร่วมกันอยู่นั้น ยายเนียมก็ถอดแหวนที่ใส่ติดตัวมาตั้งแต่อายุ 20 ปี ให้กับหนุ่มมาร์ค “และสำหรับพี่น้องชาวอีสานครับ 16-17 ปี บนถนนการเมือง ผมไปเยี่ยมเยียนท่านหลายครั้ง ได้รับรู้ปัญหา ความทุกข์ ความยากจนของทุกๆ ท่าน และไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ได้ร่วมปั้นข้าวเหนียวข้างเถียงนา ที่สนทนากันที่ไร่มันสำปะหลัง ผมไม่ลืม และที่ผมอดที่จะเอ่ยถึงไม่ได้ คือ คุณยายเนียม ที่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ที่ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ไปรณรงค์หาเสียงนั้น ท่านมอบแหวนวงนี้ให้กับผม และบอกผมว่า ยายหมั้นคุณอภิสิทธิ์ให้กับคนอีสานแล้ว ผมไม่ทราบว่า คุณยายเนียม กำลังดู หรือฟังสิ่งที่ผมพูดอยู่หรือไม่ แต่อยากบอกกับคุณยาย ว่า วันนี้ คนที่รับแหวนจากท่าน จะทำงานให้ท่าน ทำงานให้กับญาติพี่น้องของท่าน ทำงานให้กับชาวอีสานของท่าน และคนไทยร่วมชาติกับท่านอย่างเสมอภาค ด้วยความทุ่มเทและด้วยความซื่อสัตย์สุจริต” ส่วนหนึ่งจากคำแถลงของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2551 ล่าสุด ยายเนียมบอกว่าจะเตรียมสีข้าวกับหาปลาช่อนตัวโตๆ รอเลี้ยงรับขวัญนายกฯ คนใหม่ หากหนุ่มมาร์คกลับไปเยี่ยม manager.co.th 18 Dec.2008
วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551
ติว IELTS ที่เชียงใหม่
Weeraboon Wisartsakul
Dept. of Community Development
Fac. of Social Administration
Thammasat University
Office. 66- 02- 613-2511
IELTS is not an exam in which you simply pass or fail. You are awarded a Band Score between 0 (non-user) and 9 (proficient user). It is worth noting that most universities and professional bodies require a Band 7 or above.
ดิฉันยินดีต้อนรับ อาจารย์ วีรบูรณ์ค่ะ และยังเปิดรับทุกท่านที่พร้อม กับ ติว 5วัน ในเชียงใหม่
หลักการและเหตุผล Why Chiangmai??
เป็นการเดินทาง มากับครอบครัว และเพื่อนฝูงที่สามารถจัดโปรแกรมเที่ยวให้ ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
และประหยัด กว่าที่ท่านคิดไว้
ติวเข้ม 5วันที่เชียงใหม่ เสาร์ที่7กุมภาพันธ์2009-11กุมภาพันธ์2009
คุณ มีเวลาเรียนเอง 3 เดือน ซึ่งจะเป็นตำราที่หาซื้อได้ที่ มีบทเรียนที่ทางสถาบันจะแนะนำให้ไว้ Laptop ของคุณจะมีประโยชน์แท้จริงในการค้นคว้าAcademic English เพื่องานอาชีพในต่างประเทศ ฟรี
และในเวลาก่อนการติว 3เดือน Svantee จะเป็นที่ปรึกษา ตรวจงานเขียน Writing Task 1,2 อย่างใกล้ชิด
สำหรับแพทย์ พยาบาล และผู้สนใจทุกท่าน
ค่าลงทะเบียนเรียน6,500 บาท รวมเอกสาร
เรียน 5 วัน 9.00 -17.00น.
สมัครด่วน A. Jane 053216222
086-4313850
svantee@rocketmail.com
สำหรับนักศึกษาที่จะไปเรียนต่อเรามี ชั้นเรียนปกติที่เชียงใหม่อยู่แล้ว
สามารถดูราคาที่ http//olacm.blogspot.com โดยใช้ search engine... ielts เชียงใหม่
ดิฉันไม่ได้ คิดว่านี่คือข้อจำกัด แต่แพทย์พยาบาล ที่จะไปต่างประเทศ
เพื่อนำไปสอบCGFNS ทั้งในประเทศไทยหรือต่างประเทศ จะต้องมีคะแนนภาษาอังกฤษ ielts 650
แพทย์ใน Australia จะต้องมีผล ขั้นต่ำของแบบทดสอบภาษาอังกฤษ ielts ที่ 700 จึงจะสามารถ ติดต่อไปทำงานในต่างประเทศได้
โครงการเรียน ielts 3เดือน ตั้งแต่ พย.2551-กพ.2552 กับตำรา
Cambridge1-6 และร่วมติว 5 วัน 40 ชั่วโมงที่เชียงใหม่ จึงมีความ
หมายว่าสำหรับ ผู้สมัคร จะมี โอกาส ได้รับคำปรึกษา ตรวจงาน ส่งการบ้าน ปรึกษา วิธีการฟังจับใจความ จากผู้ใช้ภาษาอังกฤษที่สำเนียง
ไม่คุ้นเคย เช่นภาษาพูดของเด็กๆ และผู้ใหญ่ต่างๆชาติ เช่นญี่ปุ่นพูดอังกฤษ
และ ทำข้อสอบในculture หลากหลาย แต่ Structure และ Grammar ต้องถูกต้องชัดเจน และสามรถแยกตัวลวงของข้อสอบออกไปได้ ด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเรากับแบบฝึกหัดที่ครอบคลุมที่สุด ที่ต้องมี Cambridge ielts 1-6
หรือเล่ม intermediate เป็น CD audio และ ่ advance ที่เป็น
CD rom
และ การฝึกเขียน ที่จะต้อง ให้ความสำคัญ ก่อนการติว รับผิดชอบตัวเอง และได้ใช้สิทธิ์ของตนเอง ฟรี 3 เดือนก่อนร่วมติวจริงๆที่เชียงใหม่
วันเสาร์ที่7กุมภาพันธ์2552-พุธ ที่11 กุมภาพันธ์ 2552
และลงสอบสนามจริง ที่ BRITISH Council เชียงใหม่ วันพฤหัส ที่12 กุมภาพันธ์ 2552
หรือเวลาที่พร้อมของคุณ...
ค่ะถ้าคุณพร้อม ทุกสายงานอาชีพ เริ่มจากนักศึกษาที่จะรับทุนหรือจะไปเรียนต่อต่างประเทศ
และมั่นใจว่า จะเริ่มทำงานหนักด้วย กันได้
ผลของภาษาอังกฤษ ระดับ B++ หรือความตั้งใจเต็ม100
ติดต่อมาได้เลย
ยินดีต้อนรับค่ะ
A. JANE
http//olacm.blogspot.com
olacm@yahoo.com
วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551
Music of a King ดนตรีแห่งราชันย์
Music of a King
Janine Yasovant Mpa.
Artists must understand academic and scientific concepts in order to set up the models for their art works. Likewise, academics must know scientific theories, and at the same time have aesthetic heart to constantly improve their duties. Scientists are not different; they must have academic skills and love to enhance their scientific works. These three elements are related to each other, and equally significant. Art is crucial to any kind of work. Artists are therefore very important citizens, who deserve to be praised and honored.
Thailand's King Bhumibol Adulyadej of Thailand has always promoted these ideas in his passion for arts and music
Now 81 years old, he was born in Cambridge, Massachusetts, U.S.A., the third and youngest child of Prince Mahidol of Songkla and Princess Srisangwan.
He attended the Ecole Nouvelle de la Suisse Romande, Chailly sur Lausanne. Later on he moved to the Gymnase Classique Cantonal of Lausanne from where he received his Bacheliers Lettres. He then entered Lausanne University to study science, but the sudden death of his elder brother, King Ananda Mahidol, in Bangkok in 1946, changed the course of his life completely, for the Law of Succession bestowed on him the arduous but challenging function of the Thai Crown. The government on behalf of the people came to ask the Princess Mother for her other son to be their King. As he had not finished his education, he decided to go back to Switzerland for another period of study, but this time in the subjects of Political Science and Law in order to equip himself with the proper knowledge for government.
Following the completion of his education in Switzerland in the early 1950s, he returned home to Thailand.
Among his many interests in Arts, Sports, Agriculture and Engineering, he has maintained a special love for jazz. But he framed this in the larger aspect of all music:
"Whether jazz or otherwise, music is a part of me. It is a part of everyone, an essential part of us all. To me, music is something fine and beautiful. I think we should all recognize the value of music in all its forms, since all types of music have their place and time, and respond to different kinds of emotions."
Jazz was particularly popular in the 1940's, and it was at that time that he first began composing songs especially in the Blues idiom, such as:
CANDLELIGHT BLUESThese are only two of over fifty compositions. His music has become an important part of the Thai people. The song "Pun Pie Mai (Blessing For New Year)" became traditional music for the New Year celebration. He composed "Mahachulalongkorn" for Chulalongkorn University, "Yoongthong" for Thammasart University and "Kasetsart March" for Kasetsart University, the symbolic songs for the three government universities. In military arena, "The Royal Guards March" and "The Colors March" became the type of music that was played annually during official ceremonies for nation. In his 60-year reign, many political crises and revolutions occurred and many of his musical compositions were used by all sides to find and nurture support.
The King is highly knowledgeable in music composition theory. He was a leader in Thailand's International song composition. Using strange and complicated chords that create tense union in music and unusual varieties of dance rhythms, his music is played continuously and some of it has become legend in Thailand.
His favorite musical instruments are saxophone, clarinet, and trumpet. He can play guitar and piano as well. He played music with both Thai and International bands, no matter what the style and was known for jazz improvisations. He performed with world-class musicians such as Benny Goodman, Jack Teagarden, Lionel Hampton, and Stan Getz, especially during his time in New York. They considered him a colleague and sincerely praised his talent. His favorite jazz styles are Dixieland and Swing. And he particularly admires Sydney Bechet, Duke Ellington, and Johnny Hodges.
Along with his music, the King has developed and supported thousands of projects in a wide array of areas important to the Thai people. Although he is a constitutional monarch, he is so revered by the Thai people that his selective appearances and proclamations have a powerful impact. He is equally selective in his politics and rarely injects his views. But this year, on December 4, one day before his birthday, he gave a speech to the prime minister, the leader of Thailand (as well as his people) that were broadcast on television and radio. It was a careful rebuke of the current policies. He also spoke frankly and unexpectedly about his position. This topic was entitled: "The king can do no wrong."
Thailand still has enforced laws which make it illegal to criticize the monarchy. Section 8 of the Thai Constitution states: "The King shall be enthroned in a position of revered worship and shall not be violated. No person shall expose the King to any sort of accusation or action." Yet, this is what the King said:
"If you say that the King cannot be criticized, it suggests that the King is not human. If someone offers criticism suggesting that the King is wrong, then I would like to be informed of their opinion. If I am not, that could be problematic... If we hold that the King cannot be criticized or violated, then the King ends up in a difficult situation."
Beneath this statement lies the principles which have guided King Bhumibol Adulyadej throughout his reign ─ the "Tenfold Moral Principles" of the Sovereign, "Tossapit Rajatham" in Thai,
1. Dana: liberality, generosity, or charity. The giving away of alms to the needy. It is the duty of the king (government) to look after the welfare of his needy subjects. The ideal ruler should give away wealth and property wisely without giving in-to craving and attachment. In other words he should not try to be rich making use of his position.
2. Sila: morality - a high moral character. He must observe at least the Five Precepts, and conduct himself both in private and in public life as to be a shining example to his subjects. This virtue is very important, because, if the ruler adheres to it, strictly, then bribery and corruption, violence and indiscipline would be automatically wiped out in the country.
3. Pariccaga: Comfort - Making sacrifices if they are for the good of the people - personal name and fame; even the life if need be. By the grant of gifts etc. the ruler spurs the subjects on to more efficient and more loyal service.
4. Ajjava: Honesty and integrity. He must be absolutely straightforward and must never take recourse to any crooked or doubtful means to achieve his ends. He must be free from fear or favour in the discharge of his duties. At this point, a stanza from 'Sigalovada Sutta. (Digha-Nikaya), a relevant declaration by the Buddha comes to my mind:
"Canda, dose, bhaya, moha - Yo dhammam nativattati. Apurati tassa yaso - Sukkha pakkheva candima")
Meaning: If a person maintains justice without being subjected to favoritism, hatred, fear or ignorance, his popularity grows like the waxing moon.
5. Maddava: Kindness or gentleness. A ruler's uprightness may sometimes require firmness. But this should be tempered with kindness and gentleness. In other words a ruler should not be over - harsh or cruel.
6. Tapa: Restraint of senses and austerity in habits. Shunning indulgence in sensual pleasures, an ideal monarch keeps his five senses under control. Some rulers may, using their position, flout moral conduct - this is not becoming of a good monarch.
7. Akkodha: Non-hatred. The ruler should bear no grudge against anybody. Without harboring grievances he must act with forbearance and love. At this instance, I am reminded of how a certain royal pupil, an heir to the throne, who had been punished by the teacher for an offence, took revenge by punishing the teacher after he became King! (Jataka Text). Political victimization is also not conducive to proper administration.
8. Avihimsa: non-violence. Not only should he refrain from harming anybody but he should also try to promote peace and prevent war, when necessary. He must practice non-violence to the highest possible extent so long as it does not interfere with the firmness expected of an ideal ruler.
9. Khanti: Patience and tolerance. Without losing his temper, the ruler should be able to bear up hardships and insults. In any occasion he should be able to conduct himself without giving in-to emotions. He should be able to receive both bouquets and brickbats in the same spirit and with equanimity.
10. Avirodha: Non - opposition and non-enmity. The ruler should not oppose the will of the people. He must cultivate the spirit of amity among his subjects. In other words he should rule in harmony with his people.
"คนที่ทำงานศิลปะก็ต้องรู้เรื่องวิชาการ และรู้หลักทางวิทยาศาสตร์ เพื่อจะได้เป็น
แบบแผนต่างๆ ต่อไป งานวิชาการก็ทำนองเดียวกัน จะต้องรู้หลักวิทยาศาสตร์ ใน
ขณะเดียวกันก็ต้องมีใจทางศิลปะจึงจะสามารถพัฒนางานนั้นให้ดีไปได้ และในทาง
วิทยาศาสตร์ก็ทำนองเดียวกัน ต้องมีความรู้ด้านวิชาการและต้องมีใจรัก ตั้งใจทำ
อะไรให้ดีขึ้น สรุปว่า ทั้งสามส่วนเป็นความสำคัญ ซึ่งต้องเกี่ยวเนื่องกัน งานศิลปะมี
ความสำคัญต่องานทั้งปวง ศิลปินเป็นบุคคลที่มีความสำคัญ สมควรจะยกย่องเชิดชู
เกียรติต่อไป"
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่9
ที่พูดถึงความรักและประทับใจในดนตรีของพระองค์ที่ผ่านมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช ทรงพระราชสมภพ ณ วันจันทร์ที่ 5
ธันวาคม พุทธศักราช 2470 ณ โรงพยาบาลเมาท์ออเบิน เมืองเคมบริดจ์ มลรัฐ
แมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระราชโอรสองค์สุดท้องในสมเด็จ
พระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกและสมเด็จพระศรีนครินทรา
บรมราชชนนี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงศึกษาในโรงเรียน
โนแวล เดอ ลา สวิส โรมอนด์ ชัยยี ซูร์ โลซานน์ และได้ทรงศึกษาต่อ ณ โรงเรียน
จิมนาส คลาสซิค คองโตนาล แห่งโลซานน์จนจบ ทรงได้รับประกาศนียบัตรชั้น
มัธยม และทรงศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยโลซานน์ สาขาวิทยาศาสตร์ เมื่อ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน
2489 รัฐบาลในนามของประชาชนทั้งประเทศได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระศรีนคริน
ทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานอัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวทรงสืบราชสมบัติ แต่เนื่องจากยังทรงศึกษาไม่จบ จึงเสด็จฯ กลับไปยัง
สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อทรงศึกษาต่อในวิชากฎหมายและการเมือง เพื่อให้เหมาะสม
กับการที่ต้องทรงดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์ต่อไป
หลังจากที่พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในช่วงต้นปี
2493 พระองค์จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับมายังประเทศไทย พระองค์ทรงมีความ
สนพระราชหฤทัยในศิลปะ กีฬา การเกษตรกรรม วิศวกรรม และพระองค์ทรงโปรด
ดนตรีแจ๊สเป็นพิเศษ รวมทั้งดนตรีต่างๆ ทุกประเภทด้วย สำหรับดนตรี พระองค์
ท่านเคยกล่าวมีใจความว่า ไม่ว่าจะเป็นแจ๊สหรือไม่ก็ตาม ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของ
ข้าพเจ้า และเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญกับชีวิตของทุกคน สำหรับตัวข้าพเจ้าแล้ว ดนตรี
คือความงดงาม เราควรจะจดจำคุณค่าของดนตรีทุกรูปแบบ ซึ่งอยุ่ในแต่ละอารมณ์
และกาลเวลาของดนตรีนั้น
ตนตรีแจ๊สเป็นที่นิยมมากในช่วงปี 2483 ในเวลานั้นเอง พระองค์ทรงเริ่มพระ
ราชนิพนธ์เพลงในทำนองบลูส์ อาทิ
อาทิตย์อับแสง Artit Up Saeng
สองบทเพลงนี้มาจากจำนวนบทเพลงกว่า 50 บทประพันธ์ของพระองค์ ดนตรีของ
พระองค์ท่านกลายเป็นส่วนสำคัญของคนไทย เพลงพรปีใหม่กลายเป็นบทเพลง
ฉลองปีใหม่ของไทย พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เพลง มหาจุฬาลงกรณ์ สำหรับ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพลงยูงทอง สำหรับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพลง
มาร์ชเกษตรศาสตร์ สำหรับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บทเพลงสัญลักษณ์สำหรับ
มหาวิทยาลัยรัฐบาลทั้ง 3 แห่ง สำหรับทางด้านทหาร บทเพลงมาร์ชราชวัลลภและ
เพลงธงชัยเฉลิมพลกลายเป็นบทเพลงที่ถูกบรรเลงเป็นประจำทุกปีในช่วงพระราช
พิธีสำคัญของชาติ
ในช่วงระยะเวลา60ปีแห่งการครองราชสมบัติของพระองค์ มีเหตุการณ์วิกฤตทาง
การเมืองและการปฏิวัติหลายครั้ง บทเพลงของพระองค์หลายชิ้นถูกนำไปใช้ใน
ทุกๆฝ่ายเพื่อค้นหาการสนับสนุน
พระองค์ทรงมีความรู้ทางด้านทฤษฎีดนตรีเป็นอย่างสูง พระองค์ทรงเป็นผู้นำในการ
พระราชนิพนธ์ดนตรีสากลของประเทศไทย ด้วยการใช้คอร์ดที่แปลกและซับซ้อน
ทำให้เกิดเสียงประสานที่เข้มข้นและความหลากหลายของจังหวะเต้นรำ บทเพลง
ของพระองค์ท่านถูกบรรเลงอย่างต่อเนื่องและบางเพลงกลายเป็นเพลงอมตะ
เครื่องดนตรีที่พระองค์ทรงโปรดปรานที่สุดคือ แซกโซโฟน คลาริเน็ต และทรัมเป็ต
พระองค์สามารถทรงกีตาร์และเปียโนได้อีกด้วย พระองค์ทรงบรรเลงดนตรีร่วมกับ
วงดนตรีทั้งไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดด้วยการใช้Jazz
improvisations และสามารถบรรเลงโต้ตอบได้อย่างครื้นเครงกับนักดนตรีต่าง ๆ ที่
มีชื่อเสียงของโลก เช่น เบนนี่ กู๊ดแมน (Benny Goodman) แจ๊ก ทีการ์เด้น
(Jack Teagarden) ไลโอเนล แฮมตัน (Lionel Hampton) สแตน เก็ตส์
(Stan getz) นักดนตรีที่มีชื่อเสียงของโลกเหล่านั้นล้วนถวายการยกย่องพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวในฐาน ะที่ทรงเป็นนักดนตรีแจ๊สที่มีอัจฉริยภาพสูงส่ง
รูปแบบดนตรีแจ๊ซที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดคือ ดิ๊กซีแลนด์ และ
สวิง กล่าวสำหรับนักดนตรีแจ๊ซที่ต้องพระราชหฤทัย หนึ่งคือ ซิดนีย์ เบเชต
ดุ๊ก เวลลิงตัน อีกหนึ่งคือ จอห์นนี่ ฮอดเจส
พระองค์ได้พัฒนาและสนับสนุนโครงการในพระราชดำรินับพันโครงการในหลายๆ
พื้นที่สำคัญต่อประชาชนชาวไทย แม้ว่าพระองค์ท่านจะเป็นพระมหากษัตริย์นัก
ประชาธิปไตย พระองค์ท่านยังเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทย พระราชดำรัสของ
พระองค์จึงมีผลกระทบเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงเป็นกลางทางการเมือง แต่ปีนี้
วันที่ 4 ธันวาคม ก่อนวันคล้ายวันพระราชสมภพหนึ่งวัน พระองค์ทรงมีพระราชดำรัส
แด่นายกรัฐมนตรีและชาวไทยทุกคนผ่านทางวิทยุและโทรทัศน์ พระองค์ทรงตรัส
อย่างจริงใจเกี่ยวกับสถานะภาพของพระองค์ หัวข้อมีชื่อว่า พระมหากษัตริย์ทำ
อะไรก็ไม่ผิด ประเทศไทยยังประกาศบังคับใช้กฏหมายที่ว่า ผิดกฏหมายที่จะ
วิพากวิจารณ์พระมหากษัตริย์ มาตราที่ 8 ของรัฐธรรมนูญของประเทศไทยระบุไว้ว่า
"องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่ เคารพสัก การะผู้ใดจะละเมิด
มิได้ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระ มหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้"
ภายใต้สถานะภาพนี้ พระองค์ตรัสมีใจความว่า การวิจารณ์ที่สร้างสรรค์เป็นการให้
ข้อมูลในการตรวจสอบข้อผิดพลาดของผู้นำ ถ้ากษัตริย์ถูกห้ามวิจารณ์ ก็แสดงว่า
กษัตริย์มิใช่ปุถุชน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น ถ้ามีผู้วิจารณ์ว่า
กษัตริย์ทำสิ่งผิดพลาด ก็น่าจะรับฟังไว้ แต่ถ้ากษัตริย์ไม่ฟัง ก็อาจเกิดปัญหา และ
ยุ่งยากก็จะตามมา
ราชธรรม 10 หรือ ทศพิธราชธรรม
คุณธรรมหลักของพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งได้ปฏิบัติสืบทอดต่อเนื่องยาวนานมาแต่
โบราณกาล ในการปกครองบ้านเมืองให้มีความร่มเย็นเป็นสุข
1. ทาน คือการบริจาคให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ด้วยการสละทรัพย์สิ่งของ
เพื่อช่วยผู้และเดือดร้อนและอ่อนแอ ไม่สร้างความร่ำรวยโดยใช้ตำแหน่งของ
ตนเอง
2. ศีล คือการรักษาความสุจริต มีความประพฤติดีงาม ทั้งกาย วาจา ใจ ประพฤติตน
ให้เป็นแบบอย่างที่ดีงามกับประชาชน
3. บริจาค คือการเสียสละความสุขส่วนตัว การแบ่งปันทรัพย์สินนอกกายให้เป็น
ประโยชน์ต่อส่วนรวม สละได้แม้กระทั่งชีวิตถ้าจำเป็น
4. อาชชวะ คือความซื่อตรงและความจริงใจ ด้วยการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ
ซื่อสัตย์สุจริตโดยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
5. มัททวะ คือความอ่อนโยน สุภาพทั้ง กาย วาจา ใจ ในทุกสถานการณ์ ไม่แข็ง
กระด้างไม่แสดงการยกตนข่มท่าน
6. ตบะ คือความเพียรพยายาม ทำสิ่งที่ควรทำ มีความสม่ำเสมอ ปฏิบัติหน้าที่อย่าง
ไม่บกพร่อง มีจิตใจที่หนักแน่น ไม่ย่อท้อ
7. อโกธะ คือความไม่โกรธ มีจิตใจเมตตา มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น และให้อภัย
มีความเยือกเย็น
8. อวิหิงสา คือการไม่เบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม สนับสนุนสันติภาพ
และหลีกเลี่ยงสงคราม
9. ขันติ คือความอดทนอดกลั้น ต่อความยากลำบาก ไม่หวั่นไหว ท้อแท้ใจ
10. อวิโรธนะ คืดการวางตนให้หนักแน่น ตั้งมั่นอยู่ในธรรมโดยไม่มีความหวั่นไหว
มีความอ่อนโยนและเที่ยงธรรม
และสิ่งเหล่านี้คือที่มาของดนตรีแห่งราชันย์
สำหรับข้อมูลและบทเพลงเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม
http://kanchanapisek.or.th/royal-music/index.en.html
BLUE DAYMusic: H.M.K. Bhumibol AdulyadejLyric: H.H. Prince Chakrabandh Pensiri